เมื่อต้องเจอกับภาวะมีบุตรยาก เข้ารับการรักษา IVF และ ICSI วิธีไหนดีกว่ากัน
การมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่ปรารถนาของคู่รักทุกคู่ เพื่อก้าวสู่บทบาทความเป็นพ่อและแม่ โดยมีลูกหรือเจ้าตัวน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่ปัญหาการมีลูกยาก กลับกลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่คู่รักหลายคู่หนักใจ ซึ่งปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวไกล การทำ IVF กับ ICSI นับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก ‘ตั้งครรภ์’ เป็นเรื่องยากสำหรับคู่รักบางคู่ ซึ่งมีด้วยกันหลายสาเหตุทั้งจากฝ่ายหญิงมีพังผืดในอุ้งเชิงกราน, เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่, ท่อนำไข่อุดตันหรือถูกทำลาย, หรือกระทั่งการมีภาวะไข่ไม่ตกหรือไข่ตกช้าเนื่องจากภาวะ หรือโรคบางอย่างที่ทำให้ระบบฮอร์โมนผิดปกติไป และฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของอสุจิ ได้แก่ จำนวนน้อย รูปร่างผิดปกติ เคลื่อนที่ไม่ดี เมื่อคู่รักที่ประสบกับปัญหาภาวะมีบุตรยาก และลองพยายามตั้งครรภ์ด้วยวิธีทางธรรมชาติมานานกว่า 1 ปี แล้วไม่ประสบความสำเร็จ และกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี IVF กับ ICSI Genesis Fertility Center หรือ GFC คลินิกสำหรับผู้มีบุตรยากอยากแนะนำการทำเด็กหลอดแก้วทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้คู่รักได้เลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด
การทำ ICSI และ IVF คืออะไร ?
ICSI คือ
ICSI หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection เป็นเทคนิคการทำเด็กหลอดแก้วขั้นสูงที่ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากโดยเฉพาะ วิธีนี้เริ่มจากการกระตุ้นการตกไข่ในฝ่ายหญิงเพื่อผลิตไข่ จากนั้นแพทย์จะทำการเก็บไข่และคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดจากฝ่ายชาย โดยใช้เข็มขนาดเล็กมากฉีดอสุจิที่มีความแข็งแรงเพียงตัวเดียวเข้าไปในไข่แต่ละใบโดยตรง หลังจากนั้น ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะถูกนำไปเลี้ยงในตู้อบพิเศษเป็นเวลา 3-5 วัน เพื่อให้ตัวอ่อนเจริญเติบโต เมื่อตัวอ่อนพัฒนาถึงระยะที่เหมาะสม แพทย์จะคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีที่สุด 1-2 ตัว แล้วย้ายฝากเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิง โดยใช้สายสวนขนาดเล็กสอดผ่านปากมดลูก
IVF คือ
IVF หรือ In Vitro Fertilization คือการทำเด็กหลอดแก้วที่ใช้วิธีการกระตุ้นรังไข่ของฝ่ายหญิงด้วยฮอร์โมนเพื่อให้ผลิตไข่หลายใบ เมื่อไข่เจริญเติบโตเต็มที่ แพทย์จะทำการเก็บไข่โดยใช้เข็มดูดผ่านช่องคลอด ในขณะเดียวกัน ฝ่ายชายจะต้องเตรียมตัวอย่างอสุจิ หลังจากได้ไข่และอสุจิแล้ว แพทย์จะนำทั้งสองส่วนมาผสมกันในจานเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ โดยปล่อยให้อสุจิเจาะผ่านเปลือกไข่และเข้าไปผสมกับไข่เอง ซึ่งต่างจาก ICSI ที่มีการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง เมื่อเกิดการปฏิสนธิ ตัวอ่อนจะถูกเลี้ยงในตู้อบพิเศษเป็นเวลา 3-5 วัน เพื่อให้พัฒนาถึงระยะที่เหมาะสม
ข้อแตกต่าง ICSI กับ IVF
ICSI เป็นการทำให้เกิดการปฏิสนธิแบบเจาะจง เหมาะสำหรับในกลุ่มที่สเปิร์มไม่แข็งแรงหรือเกิดจากฝ่ายชายมีปัญหา เช่น จำนวนสเปิร์มต่ำ รูปร่างหรือการเคลื่อนไหวของอสุจิผิดปกติ มีระดับแอนติบอดีในน้ำอสุจิสูง หรือเกิดจากการทำหมัน การทำ ICSI จึงมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เนื่องจากเราสามารถคัดสเปิร์มที่แข็งแรงมาปฏิสนธิได้เลย ซึ่งกระบวนการทำ ICSI แพทย์จะกระตุ้นไข่ในวันที่ 2 ของการมีประจำเดือน โดยจะฉีดต่อเนื่อง 8 – 14 วัน เมื่อไข่พร้อมจะฉีดยากระตุ้นการตกไข่ ทำการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อตรวจขนาดและจำนวนถุงไข่ แล้วจึงฉีดฮอร์โมนก่อนที่จะเก็บไข่ด้วยการใช้เข็มเจาะดูดออกจากรังไข่ผ่านทางช่องคลอด จากนั้นนำไข่และอสุจิไปปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการพร้อมกับการให้ยาฮอร์โมนเพื่อเตรียมมดลูกฝ่ายหญิงให้พร้อมตั้งครรภ์ หลังจากตัวอ่อนเติบโตแข็งแรง แพทย์จะนัดย้ายตัวอ่อนให้เข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูกผ่านทางช่องคลอด IVF เป็นการปล่อยให้ผสมกันเอง เหมาะสำหรับฝ่ายหญิงที่มีอายุ 37 ปีหรือต่ำกว่า 30 ที่มีปัญหาท่อนำไข่เกิดเสียหายหรืออุดตัน มีปัญหาการตกไข่
สำหรับกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ด้วยวิธี IVF แพทย์จะตรวจความพร้อมก่อนกระตุ้นไข่ช่วงวันที่ 2 – 3 ของการมีประจำเดือน และทำการฉีดยาทางหน้าท้องเพื่อกระตุ้นไข่ประมาณ 8 – 14 วัน เมื่อได้ไข่ตามที่ต้องการจะฉีดยากระตุ้นไข่ตกและนัดวันเก็บไข่ ขณะที่ฝ่ายชายจะทำการเก็บน้ำเชื้ออสุจิ เมื่อไข่และอสุจิปฏิสนธิจนเป็นตัวอ่อนและเพาะเลี้ยงในน้ำยาเลี้ยงตัวอ่อน จนเติบโตได้ดีจะทำการย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกหลังเก็บไข่ 3 – 5 วัน ในกรณีรอบสด หรือนัดฝ่ายหญิงมาเตรียมผนังมดลูก และย้ายตัวอ่อนเมื่อผนังมดลูกพร้อมในรอบแช่แข็ง แพทย์จะนัดติดตามและตรวจเลือดเพื่อดูฮอร์โมนการตั้งครรภ์หลังใส่ตัวอ่อนเรียบร้อยประมาณ 10 วัน
อัตราค่าใช้จ่าย ICSI กับ IVF แตกต่างกันหรือไม่
การทำเด็กหลอดแก้วทั้งสองรูปแบบ ICSI กับ IVF โดยปกติมีราคาตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไปหรืออาจจะสูงถึง 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการซึ่งมีตั้งแต่โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลของภาครัฐ หรือกระทั่งคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก อย่างไรก็ดีวิธีการรักษาภาวะการมีบุตรยาก ICSI ส่วนใหญ่แล้วจะมีราคาสูงกว่า IVF เพราะการทำ ICSI มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนกว่า IVF มาก ต้องอาศัยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญ และใช้อุปกรณ์พิเศษในการทำ ICSI ทำให้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจากการตั้งครรภ์ได้สูงกว่าเมื่อเทียบกับการทำ IVF มีโอกาสสูงที่จะเกิดการล้มเหลวในการปฏิสนธิ เพราะไม่สามารถควบคุมอสุจิหลายตัวเข้าสู่ไข่ได้ แม้ว่า การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วย ICSI จะมีโอกาสประสบความสำเร็จจากการตั้งครรภ์สูง แต่ก็เป็นวิธีการที่มีข้อควรระวัง อาทิ ความเสียหายของไข่ เนื่องจากไข่ค่อนข้างเปราะบาง ในระหว่างขั้นตอนไข่อาจได้รับความเสียหายอันเป็นผลมาจากการสอดเข็ม การเลือกคลินิกที่ดีมีพร้อมห้องปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยมและผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหาย นอกจากนี้ผลการวิจัยพบว่า ICSI มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อความผิดปกติของโครโมโซม ออทิสติก ความพิการทางสติปัญญาของเด็ก เมื่อเปรียบเทียบกับ IVF เป็นการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ
การทำความเข้าใจอัตราความสำเร็จตั้งครรภ์ ICSI กับ IVF
อัตราการปฏิสนธิในการทำ ICSI กับ IVF นั้น ICSI มีอัตราสูงกว่า IVF เล็กน้อย โดยทั่วไปประมาณ 70% ของไข่จะได้รับการปฏิสนธิ หลังจากการปฏิสนธิ อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ก็ใกล้เคียงกันระหว่าง ICSI กับ IVF และมักจะอยู่ในช่วงระหว่าง 40-70% ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่นอายุ ภาวะเจริญพันธุ์อื่น ๆ รวมทั้งความพร้อมของร่างกายของคู่รักทั้งของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย โดยมี ‘อายุ’ ถือว่าเป็นตัวแปรที่สำคัญมากต่อการตั้งครรภ์
ฝ่ายหญิงที่มีอายุระหว่าง 30-31 ปี เมื่อเริ่มเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยการกระตุ้นรอบเดียว มีโอกาสการตั้งครรภ์ 48 % และ 61 % หากได้รับการกระตุ้นรอบสอง · ฝ่ายหญิงที่มีอายุระหว่าง 34-35 ปี เมื่อเริ่มเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยการกระตุ้นรอบเดียว มีโอกาสการตั้งครรภ์ 40 % และ 54 % หากได้รับการกระตุ้นรอบสอง · ฝ่ายหญิงที่มีอายุระหว่าง 40-41 ปี เมื่อเริ่มเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยการกระตุ้นรอบเดียว มีโอกาสการตั้งครรภ์ 13 % และ 21 % หากได้รับการกระตุ้นรอบสอง ดังนั้นการรักษาภาวะมีบุตรยากทั้งจากคลินิก โรงพยาบาล ทีมแพทย์จะช่วยให้คุณประเมินอัตราความสำเร็จที่น่าจะเป็นไปได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นระหว่างการทำ ICSI กับ IVF ผลกระทบด้านสุขภาพเมื่อทำ ICSI กับ IVF ถือว่ามีความปลอดภัยและแทบไม่มีภาวะแทรกซ้อนทั้งสองวิธี
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเมื่อรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยกระบวนการเด็กหลอดแก้ว มีด้วยกัน 4 ด้าน
1. เกิดลูกแฝดสองหรือแฝดสาม เพราะการตอบสนองมากเกินไปต่อยารักษาภาวะเจริญพันธุ์ หรือไปกระตุ้นรังไข่มากเกินไป ส่งผลให้โอกาสการตั้งครรภ์ลูกแฝดมีความเป็นได้สูง
2. ภาวะการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกเกิดต่ำ
3. ความเสี่ยงเมื่อลูกเกิดมาจะพิการแต่กำเนิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทารกที่ตั้งครรภ์เองผ่าคลอด
4. การทำเด็กหลอดแก้ว คู่รักบางคู่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพทางอารมณ์ หากคุณคือคู่รักที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก Genesis Fertility Center หรือ GFC ศูนย์รวมบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการเจริญพันธ์ให้กับคู่รัก ด้วยความเชี่ยวชาญที่ผสานความใส่ใจของทีมแพทย์และบุคลากร โดยกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ด้วยวิธี IVF/ICSI
Package & Promotion
*ราคานี้ไม่รวมค่าใส่ตัวอ่อน
*ราคานี้ไม่รวมค่าใส่ตัวอ่อน
*ราคานี้ไม่รวมค่าใส่ตัวอ่อน
ผู้หญิงยุคใหม่ “ฝากไข่” ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เพื่ออนาคต
สามารถปรึกษาได้ที่
Call Center 097-484-5335
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 20.00 น. หรือ
เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น.