Skip to content Skip to footer

โพรงมดลูกที่ดีและมีโอกาสท้องง่ายต้องเป็นแบบไหน

โพรงมดลูกแบบไหนถึงตั้งครรภ์ง่ายและพร้อมมีลูก

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมคู่รักบางคู่ พยายามมีลูกมานานแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ปัญหาหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นคือสภาพของโพรงมดลูกที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งโพรงมดลูกที่ดี มีความสำคัญอย่างมากต่อการตั้งครรภ์ เพราะเป็นที่ที่ตัวอ่อนจะฝังตัว และเจริญเติบโต หากโพรงมดลูกมีสภาพที่เหมาะสม โอกาสในการตั้งครรภ์ก็จะสูงขึ้น

ลักษณะของโพรงมดลูกที่ดีควรเป็นอย่างไร

ในช่วงครึ่งแรกของรอบประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกของมดลูก จะสร้างชั้นของเนื้อเยื่อ และน้ำมูกที่เติบโต เพื่อเป็นที่ที่เหมาะสำหรับตัวอ่อนในการฝังตัว เยื่อบุโพรงมดลูกที่แข็งแรง จะมีเลือดไปเลี้ยงที่ดียังช่วยให้รกเติบโต และทำให้ทารกได้รับสารอาหาร และออกซิเจนในระหว่างตั้งครรภ์ ลักษณะของโพรงมดลูกที่ดีควรมีดังนี้

  1. ความหนาที่เหมาะสม โพรงมดลูกของผู้หญิงทั่วไปแล้ว ควรมีความหนาที่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนอยู่ที่ประมาณ 8-14 มิลลิเมตร และมีลวดลายไตรลามินาร์ เส้นสามเส้นหากบางเกินไป ตัวอ่อนอาจจะไม่มีที่ยึดเกาะที่แข็งแรงพอ หากหนาเกินไป อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนได้ โดยความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของรอบเดือน โดยจะหนาขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่รังไข่สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน และจะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนเมื่อไม่มีการตั้งครรภ์

     

  2. โครงสร้างเยื่อบุโพรงมดลูก ของผู้หญิงมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะโครงสร้างที่สมบูรณ์จะช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัวได้อย่างมั่นคงและเจริญเติบโตได้ดี ซึ่งโครงสร้างของเยื่อบุโพรงมดลูกที่สมบูรณ์คือ เยื่อบุโพรงมดลูกประกอบด้วยหลายชั้น โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะตัว เมื่อโครงสร้างของชั้นเหล่านี้สมบูรณ์และเรียงตัวเป็นระเบียบ ก็จะช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความแข็งแรง และพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อนได้เป็นอย่างดี โดยชั้นต่างๆ ของเยื่อบุโพรงมดลูกมีดังนี้
    • ชั้นฟังก์ชันนัล (Functional layer) เป็นชั้นนอกสุดของเยื่อบุโพรงมดลูก มีหน้าที่ในการสร้างเลือดและสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงตัวอ่อน หากชั้นนี้มีความผิดปกติ เช่น มีแผลเป็น หรือมีการอักเสบ อาจส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนได้
    • ชั้นเบซัล (Basal layer) เป็นชั้นล่างสุดของเยื่อบุโพรงมดลูก มีหน้าที่ในการสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนเซลล์ที่หลุดลอกไปในช่วงมีประจำเดือน หากชั้นนี้มีความผิดปกติ อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฟื้นตัวได้ช้า และส่งผลต่อการสร้างเยื่อบุใหม่ในรอบเดือนถัดไป

       

    โครงสร้างเยื่อบุโพรงมดที่สมบูรณ์ มีดังนี้

    • ต่อมในเยื่อบุโพรงมดลูก มีหน้าที่ผลิตสารหล่อเลี้ยง และสารอาหารให้กับตัวอ่อน ต่อมควรมีขนาด และรูปร่างที่ปกติ และกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งเยื่อบุ
    • หลอดเลือดในเยื่อบุโพรงมดลูก มีหน้าที่ลำเลียงเลือด และออกซิเจนไปเลี้ยงตัวอ่อน หลอดเลือดควรมีขนาดใหญ่พอ และกระจายตัวอย่างทั่วถึง
    • เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำหน้าที่เชื่อมต่อเซลล์ต่างๆ ในเยื่อบุโพรงมดลูกให้ยึดเกาะกัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันควรมีความแข็งแรง และยืดหยุ่น

       

  3. ไม่มีสิ่งผิดปกติในโพรงมดลูก ควรจะเป็นพื้นที่ว่างที่สะอาด และเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ ที่จะมาขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน เมื่อตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่ และอสุจิเดินทางมาถึงโพรงมดลูก ก็จะสามารถฝังตัวลงในเยื่อบุโพรงมดลูกได้อย่างสมบูรณ์และเจริญเติบโตเป็นทารกในครรภ์ต่อไป

    สิ่งผิดปกติที่อาจพบในโพรงมดลูก มีดังนี้

    • เนื้องอก เป็นก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นในโพรงมดลูก อาจเป็นเนื้องอกที่ไม่เป็นอันตรายหรือเนื้องอกที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ เนื้องอกเหล่านี้สามารถขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนได้
    • พังผืด เป็นเนื้อเยื่อที่หนาตัวผิดปกติ เกิดขึ้นภายในโพรงมดลูกหรือบริเวณรอบๆ มดลูก พังผืดเหล่านี้สามารถทำให้โพรงมดลูกเสียรูปร่างและลดพื้นที่สำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนได้
    • อุปสรรคอื่นๆ  อาจเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปอยู่ในโพรงมดลูก หรืออาจเป็นความผิดปกติของโครงสร้างของโพรงมดลูก เช่น โพรงมดลูกมีรูปร่างผิดปกติ หรือมีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

       

  4. ไม่มีการอักเสบในโพรงมดลูก หมายถึง โพรงมดลูกอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีเชื้อโรคเข้ามาทำลายและก่อให้เกิดการอักเสบ การอักเสบในโพรงมดลูกอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา ซึ่งจะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ บวม แดง และมีหนอง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการฝังตัวของตัวอ่อน โดยสาเหตุของการอักเสบในโพรงมดลูก มีดังนี้
    • การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อหนองในเทา หรือเชื้อซิฟิลิส
    • การติดเชื้อจากแบคทีเรีย เช่น เชื้อแบคทีเรียกลุ่มสเตร็ปโตคอกคัส หรือเชื้ออีโคไล
    • การใส่ห่วงอนามัย การใส่ห่วงอนามัยอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในโพรงมดลูกได้
    • การผ่าตัด การผ่าตัดในอุ้งเชิงกรานอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อโพรงมดลูกผิดปกติ

  • ฮอร์โมนเพศหญิงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโต และการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุโพรงมดลูก หากฮอร์โมนผิดปกติ อาจทำให้โครงสร้างของเยื่อบุผิดปกติได้ โดยฮอร์โมนเพศหญิงที่เกี่ยวข้องกับเยื่อบุโพรงมดลูก มีดังนี้
    1. เอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่กระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากระดับเอสโตรเจนต่ำเกินไป เยื่อบุโพรงมดลูกอาจบางเกินไป ทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยาก
    2. โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่ช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนา และพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากระดับโปรเจสเตอโรนต่ำเกินไป เยื่อบุโพรงมดลูกอาจไม่พร้อมสำหรับการฝังตัว หรืออาจหลุดลอกออกมาก่อนเวลาอันควร

  • การอักเสบ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือการอักเสบเรื้อรัง อาจทำให้เกิดแผลเป็นในโพรงมดลูก ทำให้โครงสร้างของโพรงมดลูกเปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการตั้งครรภ์

  • เนื้องอกในโพรงมดลูก เช่น พังผืด หรือเนื้องอกมดลูก อาจกดทับโพรงมดลูก ทำให้เสียรูปร่าง และส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน

  • การผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน เช่น การผ่าตัดมดลูก การผ่าตัดท่อนำไข่ หรือการผ่าตัดเนื้องอกมดลูก อาจทำให้เกิดแผลเป็นในโพรงมดลูก

  • พันธุกรรมบางครั้งความผิดปกติของโพรงมดลูกอาจเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น มดลูกมี 2 ช่อง

  • โรคประจำตัวโรคบางชนิด เช่น โรค endometriosis (เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่) อาจทำให้เกิดการอักเสบและพังผืดในโพรงมดลูก

การวินิจฉัยและรักษา

หากคุณมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และรักษาที่ถูกต้อง แพทย์อาจทำการตรวจวินิจฉัย เช่น ทำการอัลตร้าซาวด์ เพื่อประเมินโครงสร้างของมดลูก หรือส่องกล้อง เพื่อตรวจสอบภายในโพรงมดลูกโดยตรง รวมทั้งการตรวจฮอร์โมน เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศหญิง โดยการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • การใช้ยาเพื่อปรับระดับฮอร์โมน หรือลดการอักเสบ
    1. ยาคุมกำเนิดมีหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด แผ่นแปะ หรือห่วงอนามัย โดยมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ซึ่งช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวในระดับที่เหมาะสม และลดการอักเสบ
    2. โปรเจสเตอโรน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกคงตัว และลดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติ มักใช้ในรูปแบบยาเม็ดหรือห่วงอนามัย
    3. ยาต้านการอักเสบไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยากลุ่มนี้ช่วยลดอาการปวดและการอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
    4. ยาปฏิชีวนะ ใช้ในการรักษาการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบในโพรงมดลูก
    5. ยาอื่นๆ แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาชนิดอื่นๆ เช่น ยา GnRH agonist ซึ่งช่วยลดการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เพื่อลดขนาดของเนื้องอก หรือยาที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในมดลูก

  • การผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้องอก เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาปัญหาเกี่ยวกับโพรงมดลูกที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกรณีที่มีเนื้องอก พังผืด หรือความผิดปกติของโครงสร้างโพรงมดลูกที่รบกวนการตั้งครรภ์หรือทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดท้องน้อย ประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นต้น การผ่าตัดจะช่วยขจัดสาเหตุของปัญหา และช่วยให้โพรงมดลูกกลับมาทำงานได้ตามปกติ

  • การทำเด็กหลอดแก้ว ทำ icsi ivf สำหรับคู่สมรสที่มีปัญหาในการตั้งครรภ์ เป็นหนึ่งในทางเลือกในการรักษาภาวะมีบุตรยากสำหรับคู่สมรสที่มีปัญหาเกี่ยวกับโพรงมดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วย

ทำไมการทำเด็กหลอดแก้วจึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาโพรงมดลูกผิดปกติ

  • หลีกเลี่ยงปัญหาการฝังตัวของตัวอ่อน การทำเด็กหลอดแก้ว จะนำตัวอ่อนที่แข็งแรงมาใส่เข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนได้มากขึ้น

  • คัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพ แพทย์สามารถคัดเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุดมาใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก ทำให้เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์และลดความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร

  • หากมีปัญหาอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปัญหาเกี่ยวกับไข่ อสุจิ หรือท่อนำไข่ การทำเด็กหลอดแก้วสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้พร้อมกัน

เยื่อบุโพรงมดลูกมีความสำคัญต่อการตั้งครรภ์มาก เพราะเป็นบริเวณที่ตัวอ่อนจะฝังตัว หากเยื่อบุโพรงมดลูกบางเกินไป ก็จะทำให้ตัวอ่อนเกาะติดได้ไม่ดี ส่งผลให้มีโอกาสตั้งครรภ์ยากขึ้น หรืออาจเกิดการแท้งบุตรได้ สำหรับคู่รักที่อยากรู้ว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกบางหรือเปล่า อาจจะสังเกตได้จากอาการ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ปริมาณน้อย หรือขาดหายไป หรือมีประวัติการแท้งบุตรซ้ำๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการขูดมดลูกบ่อยครั้ง และปวดท้องน้อยเรื้อรัง อาจเกิดจากการอักเสบหรือมีพังผืดในโพรงมดลูก

หากคุณเป็นคู่รักที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับโพรงมดลูกผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง และหากกำลังตัดสินใจทำเด็กหลอดแก้ว ฝากไข่ ทำ icsi สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ เพื่อเตรียมตัวทํา icsi ivf thailand กับ Genesis Fertility Center หรือ GFC ศูนย์รวมบริการทางการแพทย์สำหรับมีบุตรยาก มีเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ล้ำหน้ามาช่วยการเจริญพันธ์ุให้กับคู่รักที่มีบุตรยาก ด้วยความเชี่ยวชาญที่ผสานความใส่ใจของทีมแพทย์ และบุคลากรในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ด้วยวิธี icsi ราคาเริ่มต้น 170,000 บาท ฝากไข่ ราคา 170,000 บาท หรือ egg freezing ราคา 170,000 บาท และมีบริการแบ่งเกรดตัวอ่อน สามารถปรึกษาได้ที่ Call Center 097-484-5335 เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 20.00 น. หรือ เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : 
Call Center 097-484-5335
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 20.00 น. หรือ
เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น.