หลังทำ IVF / ICSI คุณแม่สามารถทำงานได้หรือไม่
แก้ไขปัญหาภาวะมีบุตรยาก ด้วยกระบวน IVF / ICSI แม่นยำ ปลอดภัย
IVF หรือ In Vitro Fertilization คือเทคโนโลยีทางการเจริญพันธุ์ที่ช่วยให้บุคคลหรือคู่รักที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยการทำ IVF / ICSI เกี่ยวข้องกับกระบวนการการผสมไข่กับน้ำเชื้อนอกร่างกาย มักถูกนำมาเมื่อการรักษาภาวะการเจริญพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ หรือเมื่อมีปัญหาภาวะมีบุตรยา
กระบวนการ IVF / ICSI ประกอบด้วยขั้นตอนหลายขั้นตอน โดยขั้นตอนแรก ผู้หญิงจะได้รับการกระตุ้นให้รังไข่โดยการให้ยาเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่หลาย ๆ ฝั่ง จากนั้นไข่ที่ได้รับมาจะถูกแช่แข็งเก็บไว้ หลังจากที่ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมีการเตรียมตัวพร้อมแล้วจะนำไข่ผสมกับน้ำเชื้อในจานทดลองเพื่อให้เกิดการผสม นอกจากนี้ยังสามารถฉีดน้ำเชื้อสายเข้าไปผสมในไข่ (intracytoplasmic sperm injection, ICSI) โดยฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในไข่ตรง ๆ ได้อีกด้วย และเมื่อเกิดการผสมเกิดขึ้นแล้ว ตัวอ่อนที่เกิดขึ้นจะถูกเลี้ยงในห้องปฏิบัติการเป็นเวลาหลายวัน ตัวอ่อนที่แข็งแรงและเหมาะสมที่สุดจะถูกเลือกสำหรับการถ่ายเข้าสู่มดลูกของผู้หญิง โดยจะทำผ่านทางท่อช่วยด้วยอัลตร้าซาวด์ และเป็นกระบวนการที่รวดเร็วและไม่เจ็บปวด
หลังการใส่ตัวอ่อน IVF / ICSI…
เด็กหลอดแก้วไม่แข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไปจริงหรือไม่
ไขข้อข้องใจทำเด็กหลอดแก้วไม่แข็งแรงแตกต่างกับเด็กเกิดธรรมชาติจริงหรือไม่
คู่รักหลายๆ คู่ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติหรืออยู่ในภาวะมีบุตรยากและอยากมีบุตร ด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวล้ำ เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ุอย่างการทำเด็กหลอดแก้ว ทำ ivf icsi จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคู่รักที่อยากมีบุตร นอกจากคู่รักที่มีบุตรยากปรารถนาที่จะมีบุตรแล้ว สิ่งหนึ่งที่คู่รักต้องการและสำคัญที่สุดคือ ลูกที่เกิดมาแล้วแข็งแรงมีสุขภาพกายและพัฒนาทางด้านจิตใจที่ดี ทำให้คู่รักหลายคู่มักตั้งคำถามและอยากรู้ว่า เด็กหลอดแก้วอ่อนแอกว่าเด็กทั่วไปจริงหรือไม่ เพราะหลายคนเข้าใจว่า เด็กที่เกิดจากการทำปฏิสนธิภายนอกนั้น มักจะมีอาการผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือไม่แข็งแรง พัฒนาการช้า จริงๆ แล้วเด็กหลอดแก้วไม่แข็งแรงจริงหรือไม่ จากการที่นักพันธุศาสตร์ ได้ทำการศึกษาเด็กที่เกิดด้วยวิธีธรรมชาติกับการมีบุตรยาก ทำ ivf icsi โครงสร้าง DNA อาจมีการปรับเปลี่ยนโครโมโซมหลายอย่างในเด็ก แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเด็กที่เกิดตามธรรมชาติจะมีสุขภาพดี และเด็กหลอดแก้วจะไม่แข็งแรง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพันธุกรรม คุณภาพของไข่และสเปิร์มของคู่รักทั้งสิ้น ทำไมเด็กหลอดแก้วจึงแข็งแรงเทียบเท่าเด็กเกิดตามธรรมชาติ การทำเด็กหลอดแก้ว ทุกขั้นตอนและกระบวนการที่ทำให้เกิดการปฏิสนธินั้น แพทย์ผู้ดูแลจะทำการคัดเลือกไข่และน้ำเชื้อที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดมาฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง มีการคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนแบบ Next Generation Sequencing (NGS) เป็นการตรวจคัดกรองตัวอ่อนโครโมโซมอย่างละเอียดในระดับโครโมโซมและระดับยีนจึงกรองตัวอ่อนที่พันธุกรรมผิดปกติ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของทารกที่มีอาการดาวน์ซินโดรม และความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย ดังนั้นเด็กหลอดแก้วที่เกิดขึ้นมาจึงมีความแข็งแรงเท่ากับเด็กที่เกิดตามธรรมชาติ…
เคยผ่าตัดมดลูกสามารถทำเด็กหลอดแก้วให้มีบุตรได้หรือไม่ ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว ทำivf icsi ตามกฎของธรรมชาติการตั้งครรภ์ของคู่รักทั่วไปหรือคู่รักที่มีบุตรยากและอยากมีบุตร จะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เมื่อฝ่ายหญิงเคยผ่าตัดมดลูก เพราะมดลูกนับว่าเป็นที่ที่ไข่ฝังตัวหลังจากการปฏิสนธิ และเป็นอวัยวะที่รองรับและหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ที่กำลังเติบโต ซึ่งหากไข่ที่ปฏิสนธิแล้วสามารถฝังตัวนอกมดลูก ทางการแพทย์จะเรียกว่าเป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ สำหรับคู่รักที่มีบุตรยากและอยากมีบุตรในกรณีที่ต้องผ่าตัดมดลูกเพื่อรักษาโรคต่างๆ อาทิ มะเร็งปากมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีเลือดออกทางช่องคลอดหนักและผิดปกติ มะเร็งมดลูก เนื้องอกในมดลูก เป็นต้น แต่ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากมีบุตร เพราะการผ่าตัดมดลูกไม่แปลว่าผู้หญิงจะสูญเสียรังไข่เสมอไปนั่นเอง ทำไมมดลูกจึงมีผลต่อการตั้งครรภ์ มดลูกนับว่าเป็นอวัยวะของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ที่อยู่ในบริเวณอุ้งเชิงกราน มีลักษณะคล้ายลูกแพร์ฝรั่ง มีขนาดความยาวโดยปกติ 3 นิ้ว เป็นที่สำหรับการตั้งครรภ์ สามารถขยายตัวได้มากตามความเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และจะหดตัวกลับคืนสู่สภาพปกติภายหลังคลอด สำหรับส่วนประกอบของมดลูกของผู้หญิงเรานั้น มีด้วยกัน 3 ส่วน ดังนี้ ตัวมดลูก (Body and Fundus) ปากมดลูก (Cervix) ปีกมดลูก (Uterine tube) การผ่าตัดมดลูกมี 4 ประเภทหลัก ได้แก่ ตัดมดลูกทั้งหมดออก (Total)…
ความแตกต่างของการทำ IUI กับ ICSI
รักษาภาวะมีบุตรยาก ทำ IUI กับ ICSI มีความแตกต่างกันอย่างไร
ปัญหาที่สร้างความหนักใจสำหรับคู่รักที่มีบุตรยากและอยากมีลูก คงหนีไม่พ้นกับการหาคำตอบว่า เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์แบบไหนดีกว่ากัน คู่รักหลายคู่สงสัยว่าระหว่างการทำ IUI กับการทำ ICSI กระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก เพื่อเพิ่มโอกาสของการปฏิสนธิ ทดแทนวิธีทางธรรมชาติที่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร ทางการแพทย์การทำ IUI เป็นการปฏิสนธิในร่างกายโดยให้ไข่กับอสุจิผสมกันเอง ซึ่งเป็นการปฏิสนธิแบบธรรมชาติ โดยการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูกไม่ใช่การปฏิสนธิภายนอกหรือการทำเด็กหลอดแก้ว ส่วนการทำ ICSI หรืออิ๊กซี่ เป็นการปฏิสนธินอกร่างกายโดยการใส่อสุจิเข้าไปในเนื้อไข่ หรือที่เราเรียกว่าทำเด็กหลอดแก้ว แต่เพื่อให้คู่รักหายสงสัยมาเริ่มต้นศึกษาข้อมูลกันเลย ทำความรู้จัก IUI คือการปฏิสนธิในร่างกาย การทำIUI (Intra – uterine insemination) เป็นการฉีดอสุจิที่ผ่านมาคัดเลือกแล้วเข้าสู่โพรงมดลูก เป็นการปฏิสนธิในร่างกายที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ซึ่งวิธีโดยทั่วไปจะกระตุ้นการตกไข่ในผู้หญิง เมื่อขนาดของถุงไข่เจริญเต็มที่ แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นให้ไข่สุกและเกิดการตกไข่ จากนั้นจะฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าไปสู่โพรงมดลูกแล้วให้อสุจิกับไข่ปฏิสนธิกันเอง สำหรับการทำ IUI เป็นการสร้างโอกาสให้อสุจิได้ผสมกับไข่ได้ง่ายกว่าปกติ จึงเป็นการเพิ่มโอกาสการประสบความสำเร็จในการปฏิสนธิสำหรับคู่รักมีปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยอัตราความสำเร็จของการทำ IUI สำหรับคู่รักที่อยากมีลูก…
ลูกแฝดแท้ ลูกแฝดเทียม ด้วยการทำicsi ทำivfคืออะไร
เรื่องน่ารู้คู่รักที่อยากมีบุตรเป็นฝาแฝดด้วยการทำicsi ทำivf
ยิ่งนับวันอัตราการเกิดของเด็กฝาแฝดก็จะเพิ่มมากขึ้นบนโลกใบนี้ ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ การทำivf และ ทำicsi หรือการทำเด็กหลอดแก้ว ช่วยทำให้คู่รักที่เป็นคนรุ่นใหม่ปรารถนาอยากมีบุตรเป็นฝาแฝด ประสบความสำเร็จกับการตั้งครรภ์ และอีกปัจจัยหนึ่งมาจากคู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูกและตัดสินใจรักษาภาวะมีบุตรยาก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เทรนด์อยากมีบุตรฝาแฝดเป็นอุบัติการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น สำหรับอัตราการเกิดฝาแฝดสถิติประเทศไทยในอดีตจะพบว่า การตั้งครรภ์แฝดสองจะอยู่ในอัตรา 1 ต่อ 89 นั่นหมายความว่า ในจำนวนคุณแม่ที่มีครรภ์เดี่ยว 89 ราย จะพบครรภ์แฝดสอง 1 ราย ส่วนครรภ์แฝดสามจะพบได้ยากยิ่งขึ้นในอัตรา 1 ต่อ 892 หรือราว 1 ต่อ 7,921 ราย ส่วนแฝด 4 นี่ยิ่งยากมากขึ้นไปอีกราว 1 เพื่อไขข้อสงสัยคู่รักสำหรับที่ปรารถนาอยากมีบุตรฝาแฝด และคู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูก โดยทำการรักษาภาวะเจริญพันธ์ุด้วยการทำivf และ ทำicsi หรือทำเด็กหลอดแก้ว มาทำความรู้จักการตั้งครรภ์ฝาแฝดมีด้วยกัน 2 ประเภท ดังนี้ 1.แฝดแท้…
เทรนด์ยุคใหม่กับการฝากไข่
ฝากไข่ เทรนด์ของผู้หญิงยุคใหม่ ดีไซน์ชีวิตมีลูกเมื่อพร้อมได้
หลายปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์การฝากไข่ หรือการแช่แข็งไข่ (Egg Freezing) เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในหลากหลายประเทศ ทั้งยุโรปและเฉพาะอเมริกา เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่อยากมีลูกเมื่อพร้อม ซึ่งต้องบอกว่ามีบรรดาสาวๆ คนดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ‘Amy Hart’ นักแสดงฮอลลีวู้ดคนดัง หรือJessica Wright เป็นนักแสดงโทรทัศน์ชาวอังกฤษ ก็ออกมาเปิดเผยถึงการตัดสินใจฝากไข่ด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับในฝั่งของเอเชียจะพบว่า การฝากไข่ได้รับความนิยมในคนจีนมากขึ้น สำหรับประเทศไทย เทรนด์การฝากไข่ หรือการแช่แข็งไข่ (egg freezing) ยังเป็นเรื่องใหม่ในกลุ่มผู้หญิงไทยอยู่มิใช่น้อย แต่ก็กลายเป็นเทรนด์ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งมุมมองของผู้หญิงหลายๆ คนที่มีความต้องการ egg frezzing เปรียบสมือนการซื้อเวลาให้ตัวเอง เพื่อมีลูกเมื่อพร้อมในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากการฝากไข่ คือ กระบวนการวิทยาศาสตร์ที่ช่วยเก็บไข่ที่แข็งแรง มีความสมบูรณ์เพื่อพร้อมที่จะเจริญพันธุ์ในอนาคต ฝากไข่เป็นเทรนด์ของผู้หญิงยุคใหม่ การฝากไข่ คือ การแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ หรือ egg freezing เป็นการเก็บรักษาเซลล์ไข่ไว้ใช้เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ในเวลาที่พร้อม เพราะการแช่แข็งไข่ไม่จำเป็นต้องใช้สเปิร์ม ไข่จะถูกแช่แข็งโดยไม่ได้ปฏิสนธิ และสามารถเก็บไว้ได้ในภายหลัง…
การทำ ivf และ icsi คุณแม่สามารถทำได้กี่ครั้ง
ไขข้อข้องใจ ทำivf และ icsi สามารถทำได้กี่ครั้งกันแน่
คู่รักที่ประสบกับภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูก หลายคู่กำลังอยู่ระหว่างต้ดสินใจทำ ivf และ icsi หรือกำลังอยู่ระหว่างการรักษาภาวะมีบุตรยาก บ่อยครั้งที่คู่รักหลายคู่อาจมีความสงสัยว่าเมื่อทำ ivf และ icsi ควรจะต้องทำกี่รอบจึงจะมีโอกาสที่ประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์ และเมื่อต้องทำหลายครั้งๆ นั้นจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือไม่ สำหรับการทำ ivf และ icsi หรือการทำเด็กหลอดแก้วนั้น การรักษาภาวะมีบุตรยากของทางการแพทย์นั้น ไม่ได้มีการกำหนดไว้ว่าควรทำได้กี่ครั้ง ดังนั้นคู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูก สามารถทำหลายๆ ครั้งได้ตามความต้องการและงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับสถานะครอบครัว เพราะการทำ ivf และicsi ไม่ได้มีผลเสียต่อสุขภาพของฝ่ายหญิง แม้ว่าจะต้องกระตุ้นไข่บ่อยครั้งก็ตาม ทำ ivf และ icsi หลายครั้งเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์จริงหรือไม่ งานวิจัยจากอังกฤษ ผู้หญิงที่มีการรักษาภาวะการเจริญพันธุ์และตัดสินใจทำ ivf รวมทัั้งหมดจำนวน 184,269 รอบ พบว่าโอกาสการตั้งครรภ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 29% หลังจากทำ…
ข้อดีของการทำ IUI
ทางเลือกคู่รักอยากมีลูก ทำ IUI ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์มากกว่ามีเพศสัมพันธ์เอง
การทำ IUI เป็นการรักษาภาวะมีบุตรยากประเภทหนึ่งสำหรับคู่รัก ที่ต้องเผชิญกับภาวะมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งจุดประสงค์หลักของการทำ IUI ก็เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิโดยการเพิ่มจำนวนของตัวอสุจิที่เดินทางไปยังท่อนำไข่ก็คือเป็นการเพิ่มจำนวนสเปิร์มเพื่อการปฏิสนธิ สำหรับการทำ IUI ถือว่าเป็นการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติมากที่สุด และอัตราการประสบความสำเร็จของผู้ที่ทำ IUI จะมากกว่าการปฏิสนธิแบบธรรมชาติประมาณ 2 เท่า ดังนั้น IUI จึงมักเป็นวิธีแรกๆ ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่มีลูกยากและอยากมีลูกทำ ทำความรู้จัก IUI คืออะไร? IUI ย่อมาจาก Intrauterine Insemination เป็นการฉีดเชื้ออสุจิที่ผ่านการคัดกรองตัวที่แข็งแรงเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง ซึ่งจะใช้ท่อพลาสติกขนาดเล็กสอดผ่านปากมดลูก แล้วฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกช่วงที่ไข่ตกหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ตก โดยตัวอสุจิจะว่ายไปปฏิสนธิกับไข่ที่ท่อนำไข่เอง โดยขั้นตอนการทำ IUI มีดังนี้ การทำ IUI เริ่มต้นที่ แพทย์จะทำการกระตุ้นไข่ด้วยยาปริมาณน้อย เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างจำนวนไข่มากกว่า 1 ฟอง และต้องไม่มากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงตั้งครรภ์แฝด จากนั้นจะทำการตรวจวัดขนาดของถุงไข่ด้วยการอัลตร้าซาวด์ เพื่อความแม่นยำว่าในรอบที่ทำจะมีโอกาสเกิดไข่โตเต็มวัยกี่ฟอง และทำการฉีดยากำหนดให้ไข่ตก ขั้นตอนต่อไป…
ความแตกต่างของการฝากไข่ และ ฝากตัวอ่อน ฝากไข่ VS ฝากตัวอ่อน แบบไหนเหมาะกับแผนมีลูกเมื่อพร้อม ‘การฝากไข่’ กับ ‘การฝากตัวอ่อน’ มีความแตกต่างกันอย่างไร ผู้หญิงหลายๆ คน รวมทั้งคู่รักหลายคู่ที่ตัดสินใจมีลูกเมื่อพร้อมอย่างการฝากไข่ หรือวิธีการรักษาอื่นๆ เช่น การฉีดน้ำเชื้อ IUI การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI อาจกำลังจะสับสนอยู่ และเพื่อไขข้อสงสัย เรามาเจาะลึกถึงการฝากไข่เทียบกับฝากตัวอ่อนกัน เพื่อช่วยให้ผู้หญิงและคู่รักสินใจว่ากระบวนการใดที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง ที่ผ่านมาหลายคนเชื่อว่า การนำตัวอ่อนไปแช่แข็งนั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้ประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์มากกว่าการฝากไข่ ซึ่งการแช่แข็งไข่ egg freezing แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการแช่แข็งตัวอ่อน โดยปกติแล้วต้องใช้ไข่หลายฟองเพื่อให้ได้ตัวอ่อน 1 ตัว ดังนั้นการตั้งครรภ์ไม่ว่าจะด้วยกระบวนการฝากไข่หรือฝากตัวอ่อน คุณก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ฝากไข่ VS ฝากตัวอ่อน แตกต่างอย่างไร กระบวนการฝากไข่กับฝากตัวอ่อน ขั้นตอนของทั้งสองแบบเริ่มต้นด้วยวิธีพื้นฐานเดียวกัน คือ ฉีดฮอร์โมนเป็นเวลา 8-12 วัน เพื่อกระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่หลายฟอง (ไข่หลายฟองมีความสำคัญเพราะไม่ใช่ไข่ทุกฟองที่จะนำไปสู่การตั้งครรภ์ แม้ว่าคุณจะอายุน้อยก็ตาม ดังนั้นการแช่แข็งไข่ egg freezing…
ข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่หลังใส่ตัวอ่อน แนะนำ 9 ข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่มีบุตรยาก หลังใส่ตัวอ่อน การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ Assisted reproductive technology (ART) การทำ IVF/ICSI นับได้ว่าเป็นวิธีการที่มีความละเอียดอ่อนและจะต้องอาศัยความเอาใจใส่เป็นอย่างมากในทุก ๆ ด้าน เพราะฉะนั้นแล้วคุณแม่ที่อยากมีลูกจึงจำเป็นที่จะต้องมีการดูแล และมีความระมัดระวังเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองที่มากขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ได้มีการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ตัวอ่อนสามารถฝังตัวเข้าสู่โพรงมดลูก และเจริญเติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด วันนี้ Genesis Fertility Center จึงมีข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับคุณแม่หลังใส่ตัวอ่อน มาฝากคุณแม่มือใหม่ทุกคนกันค่ะ 9 ข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่มีบุตรยาก หลังใส่ตัวอ่อน 1.พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ช่วงเวลา 3-5 วันแรกหลังจากที่คุณแม่มีบุตรยากได้ทำการใส่ตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก นับได้ว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นแล้วในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ควรเคลื่อนไหวร่างกายในระดับที่เหมาะสม งดการเดินหรือยืนนาน ๆ รวมถึงงดการขึ้น-ลงบันไดบ่อย ๆ และพยายามหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายแบบหนัก ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อป้องกันให้มดลูกของคุณแม่มีบุตรยากเกิดการบีบตัวหรือเกร็งตัวจนรบกวนต่อการฝังตัวของตัวอ่อน 2.หลีกเลี่ยงการนอนติดเตียง แม้ว่าคุณแม่มีบุตรยากที่เพิ่งผ่านการทำเด็กหลอดแก้ว และใส่ตัวอ่อนควรจะพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด แต่อย่างไรก็ตามการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย และปฏิบัติตัวเหมือนกับเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับคุณแม่เช่นกัน เพราะนอกจากการนอนนิ่ง ๆ เป็นระยะเวลานาน…
ทำไมคุณแม่อายุมากกว่า 35 ถึงควรตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS
ตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย
หลังจากที่ตัดสินใจแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกัน แน่นอนว่าคู่รักหลาย ๆ คู่ก็ย่อมที่จะอยากมีลูกน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องใจและเติมเต็มคำว่าครอบครัวให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันนี้ ด้วยรูปแบบในการดำเนินชีวิต ตลอดจนปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากในอดีต ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจที่จะแต่งงานและเริ่มต้นสร้างครอบครัวช้าลงจนนำไปสู่การตัดสินใจมีลูกที่เริ่มช้าลงตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาที่ตามมานั้นก็คงหนีไม่พ้นปัญหาการมีบุตรยาก และความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติกับทารกหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ที่มากยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้นแล้วการเตรียมความพร้อมก่อนการตั้งครรภ์ด้วยการเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อหาความผิดปกติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่เข้ารับการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI เพื่อช่วยแก้ไขปัญหามีบุตรยากจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกครอบครัวไม่ควรมองข้ามไป โดยในวันนี้ Genesis Fertility Center จะขอพาว่าที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนมาเจาะลึกเกี่ยวกับหนึ่งในการตรวจที่สำคัญอย่าง “การตรวจโครโมโซมตัวอ่อน” ที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย และช่วยให้เจ้าตัวเล็กเติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด
การตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS คืออะไร ?
การตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS คือ การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนก่อนตัดสินใจย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อประโยชน์ในการช่วยรักษาภาวะมีบุตรยากและช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จให้กับการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI รวมไปถึงการช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่มากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อเป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะได้รับการถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมจนนำไปสู่การเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโครโมโซม อาทิ ดาวน์ซินโดรม พาทัวซินโดรม เทอเนอร์ซินโดรม หรือโรคทางพันธุกรรม อาทิ โรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น…
ทำไมต้องเตรียมผนังมดลูกก่อนการทำเด็กหลอดแก้ว
เด็กหลอดแก้ว IVF ICSI เตรียมผนังมดลูกให้พร้อมช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
ทุกกระบวนของการทำเด็กหลอดแก้ว ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์สำหรับคู่รักที่มีภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูกทั้งสิ้น แม้กระทั่งการเตรียมความของผนังมดลูกของฝ่ายหญิง ก่อนที่จะเข้าสู่การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI ผนังมดลูกหรือเยื่อบุโพรงลูกของผู้หญิง มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเปรียบเสมือนเป็นบ้านของตัวอ่อน ดังนั้นหากบ้านมีความอบอุ่นและแข็งแรงทำให้ลูกน้อยสามารถเจริญเติบโตได้ดีนั่นเอง ถ้ามีปัจจัยที่ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูก หรือโพรงมดลูกมีปัญหา อาจทำให้ตัวอ่อนไม่ฝังตัวหรือฝังตัวแล้วไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่
ผนังมดลูก มีความสำคัญอย่างไร
ผนังมดลูก เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกหรือเยื่อบุผิวของผนังด้านในของมดลูกของฝ่ายหญิง ในแต่ละเดือนเมื่อรังไข่ปล่อยไข่ออกมา เยื่อบุโพรงมดลูกจะหนาตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นตัวอ่อน หากไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ เยื่อบุจะหลุดออกจากช่องคลอด ซึ่งหน้าที่ของเยื่อบุมดลูก คือ ทำการหล่อเลี้ยงตัวอ่อนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการตั้งครรภ์ หากผู้ที่ทำเด็กหลอดแก้ว ทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI มีเยื่อบุผิวที่มีความบางหรือน้อยกว่า 7 มิลลิเมตร ร่างกายจะไม่สามารถหล่อเลี้ยงตัวอ่อนและทารกในครรภ์ที่กำลังเติบโตได้ ความหนาของเยื่อบุจึงมีความสำคัญมาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ จะทำการวัดความหนาของเยื่อบุก่อนการย้ายตัวอ่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามีความหนาเพียงพอที่จะฝังตัวได้ โดยผนังมดลูกที่สมบูรณ์พร้อมตามเกณฑ์ที่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน ควรมีลักษณะดังนี้ · ผนังมดลูกที่มีความหนา เปิดกว้าง และหล่อเลี้ยงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับตัวอ่อน · ผนังมดลูกควรหนาอย่างน้อย 7 - 8 มิลลิเมตร (ไม่ควรหนาเกิน 14…